คำถามในด้านเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21 คือ เราควรเตรียมตัวอย่างไรกับปัญหาปริมาณคนต้องการทำงานมากกว่าตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครในตลาดแรงงาน เพราะว่าในศตวรรษที่ 21 นี้อุตสาหกรรมหลายอย่างเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานไปค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ได้เกือบทุกอย่างหรืออาจจะดีกว่าในงานหลายอย่าง คำถามนี้เป็นคำถามเดียวกันที่คนในศตวรรษที่ 20 ต้องหาคำตอบในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 2 และยุคที่ 3 คนในยุคนั้น ต่างก็กังวลว่าเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์จะก่อให้เกิดปัญหาการว่างงานเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวกลับไม่เคยเกิดขึ้นเพราะเมื่อตำแหน่งงานเดิมล้าสมัยไป ก็จะถูกแทนที่ด้วยตำแหน่งงานใหม่นั่นเป็นเพราะทักษะของมนุษย์มักจะทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีกว่าเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ ซึ่งในยุคนี้สำนักวิจัยหลายแห่งก็ได้มีการคาดการณ์ว่าการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ จะสามารถสร้างตำแหน่งงานให้เพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีต ตัวอย่างเช่น งานวิจัยของบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด (PwC) ที่รายงานว่า ในระหว่างปี ค.ศ. 2017 ถึง ค.ศ. 2037 จะมีงานมากกว่า 7 ล้านตำแหน่งที่จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี AI แต่อย่างไรก็ตามมันจะนําไปสู่การสร้างงานในรูปแบบใหม่ถึง 7.2 ล้านงานซึ่งเป็นการเพิ่มสุทธิ 200,000 งาน
สาเหตุของการคาดการณ์ว่าตำแหน่งงานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นเพราะว่าบริษัทส่วนใหญ่ยังมีความต้องการจ้างงานแบบผสมผสานระหว่างการทำงานโดยคนกับการใช้เทคโนโลยี AI เพราะเทคโนโลยี AI มีจุดแข็งที่มนุษย์ไม่สามารถแข่งขันได้ เช่น ความเร็ว ความแม่นยําในการคํานวณ ฯลฯ ในขณะที่มนุษย์เองก็มีจุดที่เหนือกว่า เช่น ความเห็นอกเห็นใจ การตัดสิน การรับรู้ ฯลฯ ซึ่งถ้าบริษัทได้มีการรวมจุดแข็งของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับมนุษย์แล้วนำมาเสริมกัน ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมสามารถทำให้ธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และรายงานของบริษัทรับสมัครงานชื่อดังอย่าง Accenture ก็สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวเพราะพบว่าในปีที่ผ่านมาการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ร่วมกับมนุษย์มีผลทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ในระหว่างปี 2020
จากการติดตามบริษัทที่มีการจ้างงานเป็นจำนวนมากในแต่ละปีทั่วโลก พบว่าบริษัทหลายแห่งได้มีการนำเอาเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจทำให้รายได้ของธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้เองที่ทำให้บริษัทเกิดความเชื่อมั่นและนำไปสู่ความต้องการจ้างพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาและดูแลรักษาเทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้น โดยบริษัทเหล่านั้นคาดหวังว่า หากบริษัทมีการใช้เทคโนโลยี AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้บริษัทสามารถมีผลประกอบการที่ดีขึ้น จนก่อให้เกิดการจ้างงานในตำแหน่งงานอื่นเพิ่มเติม ตามตัวอย่างอุตสาหกรรมที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแล้วก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มดังนี้
- AI ในอุตสาหกรรมการค้าด้านการขายและการตลาด ในช่วงที่ผ่านมาการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce ที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการขายในลักษณะนี้บริษัทที่เข้ามาขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce ล้วนแต่มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาฐานข้อมูลลูกค้าของตนที่มีทั้งความใหญ่ของขนาดและมีรูปแบบที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยมนุษย์แบบเดิมย่อมไม่สามารถทำได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องนำเอาเทคโนโลยี AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้บริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องเพิ่มพนักงานและทีมขายที่มีศักยภาพในการนำเอา AI มาใช้เพิ่มยอดขายให้มากขึ้นด้วย ดังนั้นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ ช่วยทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเพราะ AI เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยี AI ยังสร้างโอกาสในการหาลูกค้าใหม่เข้ามายังบริษัท โดยเมื่อบริษัทเติบโตนั่นย่อมนำมาซึ่งการขยายขนาดและเพิ่มจำนวนจ้างงานที่มากขึ้นตามมา
- AI ในอุตสาหกรรมการผลิต การเพิ่มขึ้นของการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในหุ่นยนต์การผลิต ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์อย่างกว้างขวาง ดังนั้นจะมีหุ่นยนต์ที่ใช้ AI ในการควบคุมเข้ามาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ความต้องการจ้างงานวิศวกรหุ่นยนต์ที่มีทักษะด้าน AI เพิ่มขึ้นไปด้วย
- AI ในอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ บทบาทของ AI ในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพจากผลการประเมินของ PwC พบว่าการนำ AI ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพนั้น มีส่วนสำคัญในการเพิ่มการจ้างงานเกือบ 1 ล้านตำแหน่ง โดยตำแหน่งงานเหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทในระบบนิเวศของการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร เช่น ผู้ให้บริการจัดมื้ออาหารตามคำแนะนำของ AI ผู้ให้บริการแนะนำการออกกำลังกายตามที่ AI กำหนด เป็นต้น ดังนั้นการนำ AI เข้าสู่ระบบนิเวศของการดูแลสุขภาพจะช่วยลดความจำเป็นของผู้ป่วยในการเดินทางไปพบแพทย์และพยาบาลแต่กลับเพิ่มจำนวนผู้ให้บริการดูแลสุขภาพในหลากหลายระดับ โดยผู้ให้บริการดูแลสุขภาพสามารถออกแบบการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลของเทคโนโลยี AI
- AI ในอุตสาหกรรมเกม อุตสาหกรรมการเล่นเกมมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างกว้างขวาง โดยบทบาทของ AI มีตั้งแต่กระบวนการออกแบบเกมและกระบวนการพัฒนาเกม ตลอดจนการบำรุงรักษาเกม โดย AI มีบทบาทสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับบริษัทเกม ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตเกมจึงได้มีการลงทุนผลิตเกมด้วยเงินทุนจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการจ้างงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จำนวนมากเช่นกัน
- AI ในอุตสาหกรรมการขนส่ง ปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้ในระบบขนส่งอัตโนมัติเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และระบบขนส่งอัตโนมัติก็กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท Uber และ บริษัท Google ได้มีการลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยีรถยนต์และรถบรรทุก
ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองผ่านเทคโนโลยี AI ซึ่งการขนส่งด้วยระบบอัตโนมัติถือได้ว่าเป็นแหล่งจ้างงานจำนวนมากสำหรับวิศวกร AI และผู้เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning
- AI ในอุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน จากข้อมูลประกาศการจ้างงานพบว่าบริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านการเงิน เช่น ธนาคารหรือวาณิชธนกิจ (Investment Banking) ต่างมีความต้องการจ้างงานวิศวกร AI ให้เข้ามาพัฒนาระบบของตนเองให้สามารถระบุรูปแบบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติเพื่อลดการฉ้อโกงระบบลง นอกจากนี้อุตสาหกรรมบริการด้านการเงินยังต้องการนำเอา AI มาใช้เพื่อการตรวจสอบคําขอสินเชื่อหรือการทำธุรกรรมที่น่าสงสัยโดยการจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยในตลาดทางการเงิน ซึ่งสถานการณ์การจ้างงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในบริษัทการเงินถือได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่เติบโตอย่างมากทั้งในระยะนี้และระยะต่อไป
- AI ในภาคการศึกษา จากรายงานล่าสุดของ PwC พบว่าในอุตสาหกรรมด้านการศึกษามีการเปิดรับการจ้างงานเพิ่มเกือบ 200,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้เพราะอุตสาหกรรมการศึกษากำลังเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบการเรียนรู้ดั้งเดิมที่อยู่ในรูปแบบ Offline ไปสู่การเรียนรู้ในรูปแบบ Online Learning อย่างช้าๆ แนวคิดเรื่องการพัฒนาเนื้อหาอัจฉริยะที่เหมาะสมกับการเรียนรู้เฉพาะบุคคล จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อรูปแบบการเรียนรู้ในอนาคตและจากการศึกษาของ eSchool News ได้ระบุไว้ว่าการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในภาคการศึกษาจะเพิ่มขึ้นถึง 47.5% ภายในปี 2021 ทำให้อุตสาหกรรมการศึกษา จำเป็นอย่างมากที่จะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning
- AI ในอุตสาหกรรมบันเทิง อุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมที่มีการนำเอาเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้อย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทผู้ให้บริการ VDO Steaming แต่ละแห่งล้วนแต่ได้มีการนำเอาศักยภาพของเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และดึงดูดผู้บริโภคให้สนใจซื้อบริการของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น Spotify, Amazon Prime, Netflix และ Hulu ที่มีการใช้ AI ในการระบุพฤติกรรมในการเสพสื่อของผู้บริโภคผ่านอัลกอริทึมของ AI โดย AI จะทำหน้าที่ช่วยแนะนําสื่อที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภค ดังนั้นความต้องการจ้างงานพนักงานด้าน AI ของบริษัทเหล่านี้ต่างก็มีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากอุตสาหกรรมข้างต้น การเติบโตของเทคโนโลยี AI ในฐานะผู้ช่วยเสมือนดิจิทัลอัจฉริยะ เช่น Google Assistant Siri Alexa และ Bixby กำลังมีความฉลาดเพิ่มขึ้นและเป็นที่ต้องการใช้งานเพิ่มขึ้น โดยบริษัทไอทีระดับโลก เช่น Apple Google Samsung และ Amazon ต่างทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อที่จะทำให้ผู้ช่วยเสมือนดิจิทัลอัจฉริยะทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยงานของผู้ช่วยเหล่านี้จะสามารถเรียนรู้พฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของเจ้าของ รวมถึงสามารถจดจำเสียงพูดและทำการแจ้งเตือนนัดหมายต่างๆ ให้เจ้าของได้ทราบ นอกจากนี้ผู้ช่วยเสมือนดิจิทัลอัจฉริยะยังสามารถรายงานประเมินระยะเวลาในการเดินทาง ฯลฯ ซึ่งจากการวิจัยทางการตลาดของบริษัท Zion พบว่า ภายในปี 2025 มูลค่าทางการตลาดของผู้ช่วยเสมือนดิจิทัลอัจฉริยะทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 19.6 พันล้านดอลลาร์ ค่าประมาณนี้บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าตลาดงานด้าน AI ยังมีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมากตามปริมาณความต้องการของผู้ใช้ในอุตสาหกรรมประเภทนี้
กล่าวโดยสรุป ยุคของการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในธุรกิจกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แรงงานกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง คือ กลุ่มที่ยังไม่ตระหนักและไม่ปรับตัวให้พร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจเนื่องด้วยความเข้าใจตามแบบฉบับดั้งเดิม ความคุ้นชินกับรูปแบบการทำงานที่ไม่เป็นพลวัตร และความกลัวการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ส่งผลเชิงลบต่อความพยายามในการฝึกฝน ปรับปรุง และเพิ่มพูนทักษะดิจิทัลเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปได้ รวมถึงการตำหนิและกล่าวโทษว่า AI ทำให้ปัญหาการว่างงานมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว AI ไม่ได้สร้างให้เกิดปัญหาการว่างงาน แต่ AI กลับเป็นเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพียงแต่ว่าธุรกิจจะต้องลงทุนและให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับแรงงานเพื่อความสำเร็จในอนาคตของธุรกิจ ส่วนตัวแรงงานเอง ก็จะต้องตระหนักถึงความจำเป็นของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อฉกฉวยโอกาสจากงานรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า ทุกคนต้องพัฒนาและเรียนรู้อยู่เสมอ และจะต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงจะทำให้ตนเองสามารถหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับงานที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
โดยนายภาคภูมิ เอี่ยมจิตกุศล
ฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
อ้างอิงจาก:
- 15 Proven Facts Why Artificial Intelligence Will Create More Jobs in 2021 by By
Manu Siddharth Jha - Apr 23, 2020