บริการ
TH
EN
TH
CN

COVID-19 พลิกวิกฤติเป็นโอกาสในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล

การระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 ในประเทศไทยช่วงที่ผ่านมา คณะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ทุ่มเทกำลังกาย และกำลังใจ ในการเฝ้าระวัง การตรวจ และการรักษา ทำให้สามารถรับมือกับการระบาดของเชื้อ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับอีกหลายๆ ประเทศ โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์กรณีโรคติดเชื้อ COVID-19 ประจำวันที่ 30 เมษายน 2563 มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ COVID-19 รักษาในโรงพยาบาล 213 ราย กลับบ้านแล้ว 2,687 ราย เสียชีวิต 54 ราย รวมสะสม 2,954 ราย

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งภาคการผลิต ภาคการค้า ภาคบริการ ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ที่ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง ธุรกิจชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการ SMEs บางรายต้องหยุดกิจการ มีการเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก รวมทั้งธุรกิจขนาดเล็ก หาบแร่ แผงลอย ตลาดสด ที่ได้รับผลกระทบโดยทั่วกัน นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ยังส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ประชาชนเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ทันเหตุการณ์ ทำให้เกิดความไม่เข้าใจหรือถูกหลอกลวง สร้างความเสียหายซ้ำเติมให้สังคม อย่างไรก็ตาม ผลจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ก่อให้เกิดความปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal) ขึ้นในสังคมไทย เช่น สังคมไร้เงินสด การทำงานทางไกล การเรียนการสอนออนไลน์ ซึ่งเป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในแง่มุมต่างๆ มากขึ้น เช่น การซื้อ-ขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ การทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การทำงานจากบ้าน (Work from Home) และการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น

เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ในการก่อให้เกิด New Normal ในสังคมไทย โดยเทคโนโลยีดิจิทัลได้ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ และช่วยเหลือประชาชนให้สามารถดำเนินชีวิตหรือทำกิจกรรมทางกายภาพได้อย่างใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติ ดังนั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สศด.) จึงได้ดำเนินการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบรรเทาผลกระทบ ลดความเสียหาย ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ดังนี้


การพัฒนาแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์

  • แอปพลิเคชัน “SydeKick for ThaiFightCOVID” สำหรับการติดตามและเฝ้าระวังผู้ที่จำเป็นต้องกลับไปกักตัวเองอยู่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 (ความร่วมมือระหว่าง สศด. หน่วยงานภาครัฐ และกลุ่ม Digital Startup)
  • แอปพลิเคชัน “Card2U” และเว็บไซต์ “ThaiFightCOVID” สำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อรวบรวมและเสนอข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทำให้ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศและทั่วโลก ข้อมูลประกาศของรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ สถานที่จำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและถังออกซิเจน และรายชื่อพร้อมพิกัดที่ตั้งโรงพยาบาลที่รับตรวจโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นต้น (ความร่วมมือระหว่าง สศด. บริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด และ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด)
  • เว็บแอปพลิเคชัน “เป็ดไทยสู้ภัย” สำหรับการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อการปฏิบัติตัวและรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างมีสติ ผ่านแอคเคาท์ Facebook page เป็ดไทยสู้ภัย และ Twitter @Pedthaisuphai (ความร่วมมือระหว่าง สศด. สมาคมไทยเทคสตาร์ทอัพ กรมควบคุมโรค และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน))
  • แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” สำหรับการประเมินความเสี่ยงของตนเอง เพื่อให้ประชาชนประเมินตัวเอง จากการทำแบบสอบถาม และการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากประวัติของการเดินทาง การติดต่อกับผู้มีความเสี่ยง ทำให้ประชาชนรู้ความเสี่ยงของตัวเอง จะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม ได้รับการรักษาเร็วขึ้น และแพทย์สามารถรู้ความเสี่ยงของคนไข้โดยไม่สามารถปกปิดได้


การพัฒนาโซลูชั่น AI เพื่อการวิเคราะห์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19

สศด. ร่วมกับ บริษัท Huawei นำระบบ AI มาวิเคราะห์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากภาพถ่ายรังสีที่ได้จากการใช้เครื่อง CT scan เอกซเรย์ปอดคนไข้ โดยเมื่อมีการทำ CT scan ระบบ AI จะนำผลเอกซเรย์ไปเทียบเคียงกับตัวอย่างภาพเอกซเรย์ปอดของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศจีน ซึ่งได้เก็บข้อมูลไว้กว่า 20,000 ตัวอย่าง จากผู้ป่วยมากกว่า 4,000 ราย เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้นว่าคนไข้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือไม่ โดยได้มีการนำระบบ AI ดังกล่าว ไปติดตั้งที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช เรียบร้อยแล้ว

เทคโนโลยี AI เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้แพทย์นำมาใช้วินิจฉัยผลตรวจ CT scan ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว สามารถวิเคราะห์ผลได้ภายในเวลาเพียง 25 วินาทีต่อ 1 เคส และมีความแม่นยำสูงถึง 96% จึงลดภาระให้บุคลากรทางการแพทย์ไทยได้เป็นอย่างมาก ที่สำคัญความเร็วในการส่งข้อมูลของเครือข่าย 5G จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้บุคลากรทางการแพทย์รับมือสถานการณ์ในขณะนี้ได้ดียิ่งขึ้น เพราะช่วยให้ระบบทางการแพทย์สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ช่วยติดตามอาการ และเก็บข้อมูลคนไข้ดีขึ้น อีกทั้งช่วยให้การจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์มีประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วย


การพัฒนาแพลตฟอร์ม Job Matching ด้านดิจิทัล

สศด. ได้พัฒนาและเปิดตัวแพลตฟอร์มจัดหางานด้านดิจิทัล เพื่อรองรับผู้ที่ตกงานจากสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 เพื่อเชื่อมโยงการจ้างงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และมีส่วนช่วยลดภาระของรัฐบาลในการออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ตกงานจากสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 โดยกลุ่มเป้าหมายจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 งานด้าน IT กลุ่มที่ 2 งานด้าน Startup ที่จ้างคนกลุ่ม Non-IT และกลุ่มที่ 3 งานและอาชีพอิสระ เช่น E-Commerce หรือ Social Commerce เป็นต้น นอกจากนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าว ยังให้โอกาสผู้หางานสามารถพัฒนาทักษะที่เป็นที่ต้องการของนายจ้างได้ โดยพัฒนาศักยภาพที่เป็นที่ต้องการผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งาน และเป็นช่องทางให้บริษัท ที่ต้องการบุคลากรมาร่วมงาน ได้ประกาศรับสมัครงาน โดย สศด. จะช่วยประชาสัมพันธ์ตำแหน่งที่ต้องการ ผ่านช่องทาง Facebook "JobD2U" เเละ เว็ปไซต์ thaifightcovid.depa.or.th

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการป้องกัน บรรเทาผลกระทบ ลดความเสียหาย ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 แต่การฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และความรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเองและสังคมของทุกคนในประเทศ ในการรับมือสถานการณ์กรณีโรคติดเชื้อ COVID-19 อย่างมีสติ “ตระหนัก แต่ไม่ตระหนก”

โดยสรุปแล้ว แม้ว่าประเทศไทยจะมีความเสี่ยง และยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์กรณีโรคติดเชื้อ COVID-19 แต่คนไทยสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้ และมีโอกาสฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจของคนในประเทศ เหมือนกับช่วงที่เคยเกิดวิกฤตครั้งต่างๆ ในอดีต และในช่วงนี้ยังเป็นโอกาสของประเทศไทยในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 และยังเป็นโอกาสในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัลของประเทศอีกด้วย


โดย นายเสกสันต์ พันธุ์บุญมี ฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล


แหล่งข้อมูล/อ้างอิง

  1. ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรณีโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index_more.php)
  2. แนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 (แผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ฉบับพิเศษ) ของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
  3. การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลสู้ภัยโควิด-19 ของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล