พ่อแม่ชาวจีนตื่นตัวให้ลูกเรียน Coding
ปัจจุบัน พ่อแม่ชาวจีนจำนวนมาก ได้เริ่มส่งลูกหลานไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน โดยมีหลักสูตรยอดนิยม ได้แก่ หลักสูตร การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งประเทศจีน ก็เป็นแบบเดียวกันกับประเทศอื่นๆ คือ เยาวชนจะได้รู้จักการเขียนโปรแกรม ก็ต่อเมื่อ เยาวชนเหล่านั้น ได้เข้าไปศึกษาต่อในสาขาวิชา วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือ วิศวกรรมคอมพิเวตอร์ ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ในขณะที่รัฐบาลจีน ได้มีการส่งเสริมให้เกิดความตื่นตัว ในการนำเอาใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง ดังนั้นการที่จะทำให้ลูกหลานของตนเอง มีโอกาสที่ดีในอนาคต ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่าให้ลูกได้เรียนรู้ภาษา Java
โดยเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลจีน ได้มีการเปิดตัว โครงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเรียกร้องให้มีการริเริ่ม นำเอาเทคโนโลยี AI ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนในทุกระดับ และเมื่อต้นปี 2018 ที่ผ่านมา นาย Qi Yuan อดีตนักวิจัยของสถาบันวิชาการด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของจีน ( Chinese Academy of Educational Sciences) ได้กล่าวถึงความสำคัญของทักษะพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ว่า การมีทักษะและความสามารถพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) มีความสำคัญเท่าๆกับ กับการอ่านออกเขียนได้ และความรู้และความสามารถด้านการคำนวณทางคณิตศาสตร์ ดังนั้นทักษะการเขียนโปรแกรม จึงควรได้รับการปลูกฝังให้กับเยาวชน ตั้งแต่เมื่อเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่พยายามจะให้ประชาชน ได้นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ พ่อแม่ผู้ปกครองของเยาวชนเหล่านั้น เริ่มตระหนักว่า การเรียนพิเศษวิชา คณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิมนั้น ไม่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับบุตร หลานของตนเองได้ เมื่อเข้าสู่ตลาดงานในอนาคตได้อีกต่อไป ดังนั้นผู้ปกครองส่วนใหญ่ จึงได้เริ่มมีการส่งเสริมให้บุตรหลานของตนเอง ได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ
.
เกิดหลักสูตร Coding ที่หลากหลายทั้งในเชิงคุณภาพและราคา
อย่างไรก็ตามปี 2018 ที่ผ่านมา มีบริษัทสตาร์ทอัพจำนวนมากในจีน ได้เข้าสู่ตลาดการให้บริการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมสำหรับเด็กจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น เช่น บริษัท Codemao (www.codemao.cn) ได้รับเงินลงทุนจำนวน 300 ล้านหยวน ($ 45 ล้าน) ในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 หลังจากนั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2018 ก็ยังได้รับเงินเพิ่มอีกจำนวน 120 ล้านหยวน ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง และตัวเด็กและเยาวชนจีนเอง ต้องประสบปัญหาหลายอย่าง คือ
1.ประการแรก มีผู้ให้บริการเว็บไซต์สอนเขียนโปรแกรม เป็นจำนวนมาก ทำให้ยากที่จะเลือกว่าเว็บไซต์ไหนที่มีคุณภาพ เพราะผู้ประกอบการธุรกิจประเภทนี้ในจีน รู้ดีว่า พ่อแม่ของเยาวชน ที่เป็นชนชั้นกลาง ยินดีที่จะลงทุนและจ่ายค่าเรียนพิเศษราคาแพงเพื่อบุตรหลานของตนเองได้ ทำให้บริษัทต่างๆ คิดค่าใช้จ่ายสำหรับเรียนเขียนโปรแกรมในราคาที่แพงมาก ตัวอย่างเช่น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 40 นาที ของเว็บไซต์ RoboGardenChina.com จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาท เป็นต้น
ซึ่งเว็บไซต์ RoboGardenChina.com ที่เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการการเรียนรู้หลักสูตรการเขียนโปรแกรมสำหรับเด็ก ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า “เด็กอายุ 7-8 ขวบ ก็สามารถเริ่มเรียนรู้ทักษะการเขียนโปรแกรมได้แล้ว เพราะเด็กในวัยนี้ มีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้แล้ว แต่การที่จะเรียนรู้การเขียนโปรแกรมได้หรือไม่นั้น ย่อมขึ้นกับความสนใจของตัวเด็กเองมากกว่า” เว็บไซต์ RoboGardenChina.com เป็นผู้ให้บริการเรียนรู้หลักสูตรภาษาการเขียนโปรแกรมภาษาต่างๆ เช่น Python, Java และ C ++ แบบฟรี Online แต่หากเด็กๆ ต้องการที่จะเรียนรู้แบบในห้องเรียนแบบ Offline ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งชั้นเรียนจำนวนมาก ที่สอนการเขียนโปรแกรม จะสอนผ่านกลไกแบบเดียวกันกับกลไกที่ใช้ในการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ คือทำให้เด็ก ๆ สามารถดำเนินเรื่อง และเรียนรู้วิธีการทำงานของโปรแกรม รวมถึงรู้จักวิธีการเขียนโปรแกรม และในที่สุดก็จะสามารถแแก้ปัญหาที่พบได้ด้วยการเขียนโปรแกรมอย่างง่ายๆได้
นอกจากปัญหาต่างๆข้างต้นแล้ว การเรียนการสอนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในจีน ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง ที่เด็กและเยาวชนต้องเผชิญนั่นก็คือ การที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องการให้เด็กและเยาวชน เรียนรู้ทักษะการเขียนโปรแกรมเพื่อเข้าแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิค ที่เป็นที่นิยมอย่างสูง ในหมู่พ่อแม่ผู้ปกครองชาวจีน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองชาวจีนที่เป็นชนชั้นกลาง คาดหวังว่า การแข่งขันประเภทนี้ จะนำมาซึ่งโอกาสของเด็ก ๆ ในการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และแน่นอนการแข่งขันทักษะการเขียนโปรแกรมเหล่านี้ ย่อมมาพร้อมกับภาระอันหนักอึ้งสำหรับผู้เรียน เพราะบริษัทที่จัดทำหลักสูตรการฝึกอบรม มักจะทำให้การเรียนการสอนการเขียนโปรแกรม สำหรับผู้แข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกในอนาคต ให้มีความยากเกินระดับความสามารถของผู้เรียน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เด็กและเยาวชน หมดความอดทนในการเรียนรู้แทนที่จะมีความสุขกับการได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆมากกว่า
.
ต้องเปิดโอกาสให้เด็กทุกกลุ่ม ลดความเหลื่อมล้ำยุคใหม่
ซึ่งจากบทเรียนต่างๆที่ได้จากการส่งเสริมการเรียนรู้ Coding ให้กับเด็กและเยาวชนในประเทศจีน ทำให้เราควรที่จะตระหนักว่า การเรียนการสอนเขียนโปรแกรม ควรมีการเปิดโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนทุกกลุ่ม เพราะไม่เช่นนั้น การส่งเสริมการเรียนการสอนเขียนโปรแกรมจะยิ่งเป็นการไปเพิ่มความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาให้เพิ่มขึ้นระหว่างโรงเรียนในเมืองและในชนบท เพราะ เด็กและเยาวชนจากครอบครัวยากจน จะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ เนื่องจากค่าเล่าเรียนมีราคาแพง และไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ฝึกฝน ดังนั้นสิ่งสำคัญกว่าการส่งเสริมการเรียนรู้ Coding ให้กับเยาวชนก็คือ การที่เราควรทำให้แน่ใจว่า เด็กและเยาวชน ของโรงเรียนต่างๆ สามารถเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ และบทเรียนเพื่อการเรียนรู้แบบ online มากกว่า นอกจากนี้หลักสูตรควรได้รับการปรับให้เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนทุกกลุ่ม เพราะหากส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน เน้นการแข่งขัน ก็จะทำให้เด็กที่มีทักษะไม่ดี เลิกสนใจที่จะเรียนรู้การเขียนโปรแกรม การเขียนโปรแกรมควรเป็นกระบวนการของการสำรวจและการค้นพบที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนไม่ใช่ ทำให้ผู้เรียนเกิดความเครียดในระดับสูง แต่ควรให้ผู้เรียนเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้
สุดท้ายการส่งเสริมการเรียนการสอน Coding ควรที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับเด็กและเยาวชน ในการเข้าสู่ตลาดแรงงานและยกระดับรายได้ของตนเอง ให้พ้นจากความยากจน ในยุคที่ระบบอัตโนมัติกำลังเข้ามามีบทบาททดแทนพนักงานที่ขาดทักษะเป็นจำนวนมากในอนาคต
ฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล | สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
.
ข้อมูลอ้างอิง